ชี้ทฤษฎีโภชนาการ 7 กลุ่มอาหาร เหมาะสำหรับยุคสมัย มั่นใจว่าได้สารอาหารครบถ้วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง สติปัญญา และร่างกาย
ชี้ทฤษฎีโภชนาการ 7 กลุ่มอาหาร เหมาะสำหรับยุคสมัย มั่นใจว่าได้สารอาหารครบถ้วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง สติปัญญา และร่างกายเพื่อลูกน้อยเติบโตแข็งแรงสมวัยอย่างเต็มศักยภาพ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองและนักโภชนาการ ย้ำ 7 กลุ่มอาหารสร้างไอคิวได้ในงานเสวนาของเอส-26 คลับภายใต้หัวข้อ “7 กลุ่มอาหารสร้างพลังสมอง”
ดร. ขวัญ หาญทรงกิจพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพสมองในเด็ก จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า เด็กจะ มีพัฒนาการทางสมองอย่างเต็มที่ได้จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 3 ขวบ เพราะช่วงนี้เซลล์สมองจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุด จึงถือเป็นโอกาสทองสำหรับพ่อแม่ในการสร้างเสริมพลังสมองและสติปัญญาแก่ลูก น้อย
“อาหารที่มีคุณภาพเป็น 1 ใน 3 องค์ประกอบหลักที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาสมองในเด็ก นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องพันธุกรรมและกระบวนการเรียนรู้ผ่านสิ่งแวดล้อม การดูแลเอาใจใส่ให้เด็กรับประทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ ให้คุณค่าสารอาหารที่ ดีครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันจึงมีส่วนสำคัญมากในการสร้างเสริม สติปัญญา วางรากฐานเพื่อพัฒนาการที่สมบูรณ์ในทุกๆ ด้านต่อไป”
ดร. ขวัญย้ำในเวทีเสวนาวันนี้ว่า “ความแตกต่างของระดับสติปัญญาของคนเราขึ้นอยู่กับสมองของใครมีเยื่อไมอีลิน หรือเปลือกหุ้มเส้นใยประสาทที่เติบโตเต็มที่มากกว่ากัน เพราะเยื่อไมอีลินเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง ที่ส่งผลต่อความฉลาดและสติปัญญา ช่วยในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและแม่นยำขึ้น
ฉะนั้น การกระตุ้นให้เยื่อไมอีลินเติบโตอย่างเต็มที่จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างเสริมพลังสมองในเด็ก โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างเยื่อไมอีลินของลูกให้เพิ่มขึ้นได้จากอาหารที่ดีมีคุณภาพ และการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ใหม่ๆ โดยทฤษฎี 7 กลุ่มอาหารที่เอส 26 คลับแนะนำในวันนี้ เป็นหลักการที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและร่างกายทั้งหมด มีบทบาทสำคัญในการสร้างความฉลาดให้สมองได้เป็นอย่างดี”
ด้าน เกศกนก สุกแดง นักวิชาการโภชนาการ ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลศิริราช ย้ำว่า การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนเป็นผลดีต่อคนทุกเพศทุกวัย ทฤษฎี 7 กลุ่มอาหารเป็นหลักโภชนาการที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเด็กวัย 1-3 ขวบซึ่งเป็นวัยทองแห่งพัฒนาการทางสมอง เพราะเป็นทฤษฎีที่เมื่อนำไปใช้ทำให้มั่นใจได้ว่าร่างการจะได้รับสารอาหารครบถ้วนและสมดุล แถมยังง่ายต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
กลุ่มที่ 1.ธัญพืช อุดมไปด้วยกลุ่มวิตามินบี ซึ่งช่วยพัฒนาเรื่องความจำ และกรดโฟลิคที่จำเป็นต่อการพัฒนาระบบประสาทของเซลล์
กลุ่มที่ 2.ผัก แหล่งรวมวิตามินซึ่งช่วยเรื่องกระบวนการคิดการเรียนรู้
กลุ่มที่ 3. ผลไม้ เช่น สตอเบอร์รี่ ถ้าทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงสมอง
กลุ่มที่ 4. น้ำมัน ควรใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเยื่อไมอีลิน
กลุ่มที่ 5. นม มีสารอาหารซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเยื่อประสาท
กลุ่มที่ 6. เนื้อสัตว์ มีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองในเวลาที่เกิดความเครียด
กลุ่มที่ 7.ถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุนานาชนิดทั้งแมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมอง ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
โดยทฤษฎี 7 กลุ่มอาหารนี้จำแนกอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน ตามชนิดของอาหาร ผู้บริโภคจึงสามารถนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้ และปฏิบัติตามได้ง่ายในชีวิตประจำวันไม่เกิดความสับสนในการเลือกรับประทาน และยังได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและสมดุล
“ใน 1 วัน เราควรรับประทานเนื้อสัตว์และถั่ว เพื่อให้เกิดความสมดุล เพราะการบริโภคโปรตีนจากเนื้อมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อตับและไต โปรตีนจากพืชจะช่วยให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนักมากจนเกินไป และยังมีใยอาหารและแร่ธาตุต่างๆ อีกด้วย”
เกศกนก ยกตัวอย่างเมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพตามทฤษฎี 7 กลุ่มอาหาร คือ นม 1 แก้ว ขนมปังโฮลวีททาเนยถั่ว 1 แผ่น สลัดผักผลไม้ ใส่ปลาแซลมอน หรือไข่ต้ม เพียงเท่านี้ก็จะได้สารอาหารเพียงพอแล้ว และควรทานทุกมื้อให้ครบ 7 กลุ่มอาหาร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.bangkokbiznews.com
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น