29 เมษายน 2554
26 เมษายน 2554
ธรรมะประจำวัน : ผู้ถูกนินทาพึงมีเหตุผล
"ผู้ถูกนินทาพึงมีเหตุผล"
คำนินทาใด ๆ ไม่อาจทำคนดีให้เป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดีก็เพราะกรรม คนจะเลวก็เพราะกรรม หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่ ควรถือความจริงนี้เป็นสำคัญ และ อย่าทำหรือไม่ทำอะไรเพราะกลัวนินทาหรือเพราะปรารถนาสรรเสริญ อย่าทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่แม้เพียงสงสัยว่าเป็นกรรมไม่ดี แต่จงทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่พิจารณาแล้วตระหนักแน่ชัด ว่าเป็นกรรมดีเท่ากัน แม้ว่าการทำกรรมดีจะมีผู้นินทา
นินทานั้นไม่มีโทษแก่ผู้ถูกนินทาเลย ถ้าผู้ถูกนินทาไม่รับ คือไม่ตอบ เช่นเดียวกับผู้ถูกด่าไม่ด่าตอบ ผู้ถูกขู่ไม่ขู่ตอบ ผู้ถูกชวนวิวาทไม่วิวาทตอบ แต่คำนินทาว่าร้ายทั้งจะตกเป็นของผู้นินทาทั้งหมด ผู้นินทาคือผู้ทำกรรม ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี ไม่ว่าผู้ถูกนินทาจะรับหรือไม่รับก็ตาม ผู้นินทาย่อมได้รับผล ไม่ดีแห่งกรรมไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้เมื่อถูกนินทาแล้ว ก็ให้คิดว่าผู้นินทาเราได้รับการตอบแทนแล้ว คือได้รับผลของกรรมไม่ดี ซึ่งจะส่งผลให้ปรากฏช้าหรือเร็วเท่านั้น ผลของกรรมไม่ดีนั้นแหละได้ตอบแทนเขาผู้นินทาแล้ว เราไม่มีความจำเป็นต้องตอบแทนแต่อย่างใด ความเชื่อในเรื่องกรรม และผลของกรรมมีคุณอย่างที่สุด ผู้ใดทำกรรมไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น ความเชื่อเช่นนี้จักทำให้ไม่คิดร้ายตอบผู้คิดร้าย เป็นการระงับเวรภัยไม่ให้เกิดแก่ตน เป็นการป้องกันตนมิให้ทำกรรมไม่ดี ทั้งทางกายวาจาและใจ โดยมุ่งให้เป็นการแก้แค้นตอบแทน ผลจักเป็นความสงบสุขแก่ตนและแก่ผู้อื่นด้วย
คำนินทาใด ๆ ไม่อาจทำคนดีให้เป็นคนไม่ดีไปได้ คนจะดีก็เพราะกรรม คนจะเลวก็เพราะกรรม หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่ ควรถือความจริงนี้เป็นสำคัญ และ อย่าทำหรือไม่ทำอะไรเพราะกลัวนินทาหรือเพราะปรารถนาสรรเสริญ อย่าทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่แม้เพียงสงสัยว่าเป็นกรรมไม่ดี แต่จงทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่พิจารณาแล้วตระหนักแน่ชัด ว่าเป็นกรรมดีเท่ากัน แม้ว่าการทำกรรมดีจะมีผู้นินทา
นินทานั้นไม่มีโทษแก่ผู้ถูกนินทาเลย ถ้าผู้ถูกนินทาไม่รับ คือไม่ตอบ เช่นเดียวกับผู้ถูกด่าไม่ด่าตอบ ผู้ถูกขู่ไม่ขู่ตอบ ผู้ถูกชวนวิวาทไม่วิวาทตอบ แต่คำนินทาว่าร้ายทั้งจะตกเป็นของผู้นินทาทั้งหมด ผู้นินทาคือผู้ทำกรรม ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี ไม่ว่าผู้ถูกนินทาจะรับหรือไม่รับก็ตาม ผู้นินทาย่อมได้รับผล ไม่ดีแห่งกรรมไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้เมื่อถูกนินทาแล้ว ก็ให้คิดว่าผู้นินทาเราได้รับการตอบแทนแล้ว คือได้รับผลของกรรมไม่ดี ซึ่งจะส่งผลให้ปรากฏช้าหรือเร็วเท่านั้น ผลของกรรมไม่ดีนั้นแหละได้ตอบแทนเขาผู้นินทาแล้ว เราไม่มีความจำเป็นต้องตอบแทนแต่อย่างใด ความเชื่อในเรื่องกรรม และผลของกรรมมีคุณอย่างที่สุด ผู้ใดทำกรรมไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น ความเชื่อเช่นนี้จักทำให้ไม่คิดร้ายตอบผู้คิดร้าย เป็นการระงับเวรภัยไม่ให้เกิดแก่ตน เป็นการป้องกันตนมิให้ทำกรรมไม่ดี ทั้งทางกายวาจาและใจ โดยมุ่งให้เป็นการแก้แค้นตอบแทน ผลจักเป็นความสงบสุขแก่ตนและแก่ผู้อื่นด้วย
25 เมษายน 2554
22 เมษายน 2554
Update TV Chanel & Our New Services
Hot Spot Printing - การสั่งพิมพ์
ลูกค้าสามารถสั่งปริ้นท์เอกสารได้แม้อยู่บนห้องพัก หรือสั่งผ่านทางมือถือเพียงใช้บริการของ HotSpot Printing
แบบที่ 1 เข้าไปที่เวบไซต์ http://www.printeron.net/ricoh/dusitprincess
ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะปริ้นท์สี หรือขาวดำด้วยการคลิ๊กที่ตัวเลือก จากนั้นกรอกอีเมลล์แอดเดรส แล้วจึงทำการอัพโหลดไฟล์ผ่านทางเวบไวต์
หลังจากส่งข้อมูล ระบบจะส่งรหัสการสั่งปริ้นท์มาที่อีเมลล์ของลูกค้า ให้ลูกคาแจ้งรหัสดั่งกล่าวกับทางพนักงานเพื่อทำการปริ้นท์เอกสาร
แบบที่ 2 ส่งต่อข้อมูล ผ่านทางอีเมลล์แอดเดรส dpsb-b@printspots.com (สำหรับปริ้นท์ขาวดำ) หรือ dpsb-c@printspots.com (สำหรับปริ้นท์สี)
ลุกค้าเพียงส่งต่อเอกสารผ่านทางอีเมลล์ดังกล่าว หลังจากส่งข้อมูล ระบบจะส่งรหัสการสั่งปริ้นท์มาที่อีเมลล์ของลูกค้า ให้ลูกคาแจ้งรหัสดั่งกล่าวกับทางพนักงาน
เพื่อทำการปริ้นท์เอกสาร
ค่าบริการ พิมพ์ ขาวดำ 5 บาท ต่อแผ่น
พิมพ์ สี 10 บาท ต่อแผ่น
19 เมษายน 2554
ธรรมะประจำวัน : คู่มือบุญ ทุกคนทำได้ ง่ายนิดเดียว
พระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีทำบุญ คือ วิธีทำความดี ทำสิ่งที่ทำแล้วได้ชำระความเศร้าหมองเร่าร้อน ทำแล้วได้ผลเป็นความดี ทำแล้วเป็นบุญเป็นกุศลรวมทั้งเป็นการประพฤติดีประพฤติชอบ ทางกายวาจาไว้สิบวิธี ทำได้เสมอโดยไม่ต้องใช้วัตถุสิ่งของเงินทองเสมอไปก็ทำบุญได้ และเป็นบุญได้ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐' เป็นเคล็ดไม่ลับที่มีคุณค่าหาประมาณมิได้ ให้เราสามารถสะสมบุญได้มากมายมหาศาลในชีวิตประจำวันนี้เอง โดยไม่ต้องมีเงินทองมากหรือไม่มีเลยก็ยังได้ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐
(๑) ทาน คือ ทำบุญด้วยการให้ จะใส่บาตร ให้สิ่งของ ให้ขนม ปันเงินทอง ก็เป็นทาน นอกจากนั้น ให้ใบหน้ายิ้มแย้ม ให้ความเข้าใจ ให้ความช่วยเหลือ ให้หูที่รับฟังความทุกข์เดือดร้อน ให้ที่นั่ง ให้ความรู้ ให้ธรรมะ ฯลฯ ก็เป็นทาน (จะเห็นว่าข้อ ทาน นี้ ยังมีคนจำนวนมากเข้าใจว่าต้องให้เงินให้ทองให้สิ่งของเท่านั้น จึงจะเป็นทานที่ทำแล้วได้บุญ แต่ที่จริงแล้ว การทำทานให้เกิดบุญนั้น ทำได้กว้างขวางกว่าการให้สิ่งของเงินทองมากมายนัก อะไร ๆ ก็สามารถฉลาดหยิบยกมาทำให้เกิด ทาน' ได้ไปแทบจะทั้งหมด)
(๒) ศีล คือ ทำบุญด้วยการตั้งใจระงับ เว้นและงดสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งทางกายและวาจา เช่น ไม่ทำร้ายใคร ไม่พูดปด ไม่พูดร้าย ไม่ส่อเสียด ไปทำงานตรงเวลาไม่อู้ ไม่ทำอะไรที่จะเดือดร้อนตนเดือดร้อนคนอื่น ล้วนเป็นศีลทั้งสิ้น
(๓) ภาวนา คือ ทำบุญด้วยการพัฒนาฝึกอบรมทางด้านจิตใจ เช่น การศึกษาเล่าเรียนหรือใคร่ครวญข้อธรรมะ การสวดมนต์ไหว้พระ การทำสมาธิ การเจริญสติ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
(๔) อปจายนะ คือ ทำบุญด้วยการมีใจเคารพอ่อนน้อม อ่อนน้อมถ่อมตนกับมารดาบิดา ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูอาจารย์ กราบพระ ไหว้พระเจดีย์พระวิหารด้วยใจเคารพ เป็นต้น
(๕) เวยยาวัจจะ คือ ทำบุญด้วยการเอาใจใส่ช่วยเหลือมารดาบิดาและผู้อื่นอย่างเต็มกำลัง ให้บุคคลเหล่านั้นทั้งหลายไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องทางโลกที่ไม่มีโทษและเรื่องทางธรรม เช่น ช่วยดูแลเรื่องการงาน ดูแลผู้ป่วยไข้ ช่วยทำความสะอาดบ้านช่อง ช่วยงานปฏิสังขรณ์วัด ช่วยงานบุญงานกุศล งานปริยัติปฏิบัติต่าง ๆ
(๖) ปัตติทาน คือ ทำบุญด้วยการแบ่งความดีที่ตนทำแล้วให้ผู้อื่นพลอยปลาบปลื้ม และได้รับความดีนั้นไปด้วย เช่น การแผ่และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล หรือเมื่อทำบุญหรือความดีใด ๆ ก็บอกให้ผู้อื่นได้พลอยปีติยินดี และอนุโมทนาบุญนั้น ๆ ไปด้วยกัน
(๗) ปัตตานุโมทนาทาน คือ ทำบุญด้วยการอนุโมทนาบุญ กุศลหรือความดีที่ผู้อื่นทำและบอกเล่า ให้ร่วมอนุโมทนาด้วยจิตใจที่พลอยแช่มชื่นเบิกบานและปีติยินดีไปด้วย
(๘) ธัมมะสวนะ คือ ทำบุญด้วยการฟังธรรม อ่าน ศึกษาธรรมะ ด้วยจิตใจอ่อนโยนชุ่มชื่น เบิกบานแจ่มใส โดยมุ่งให้เข้าใจและรู้จักบาปบุญคุณโทษ ให้รู้ในสิ่งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ตั้งใจเพิ่มพูน และพัฒนาสติปัญญาของตน
(๙) ธรรมเทศนา คือ ทำบุญด้วยการบอก แนะนำ ให้ธรรมะ อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน แต่มุ่งให้ผู้ฟังได้สติ เกิดศรัทธาและปัญญา รวมไปถึงการแบ่งปันความรู้ทางโลกที่ไม่มีโทษให้กับผู้อื่น เช่น สอนความรู้ทางการแพทย์ การเกษตร
(๑๐) ทิฏฐุชุกัมมะ คือ ทำบุญด้วยการตั้งใจทำความคิดเห็นของตนให้ตรงให้ถูกต้องตามธรรม ตั้งใจพัฒนาสติปัญญาให้ตนเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจตรงต่อ ความเป็นจริงของธรรมชาติ ตั้งใจไม่ให้ตนเป็นคนมีความคิดเห็นที่ผิด หรือเบี่ยงเบนออกไปจากความเป็นจริง
ทว่า บุคคลจะสร้างบุญกุศลทั้งสิบข้อดังกล่าวให้เพิ่มพูนได้อย่างดีมีประสิทธิภาพเต็มที่นั้น พึงเริ่มต้นจากการชำระตนเองคือทำตนเว้นจากการทำความชั่วทั้งปวงก่อน กล่าวคือ บุคคลพึงเว้นจากการกระทำไม่ดีทั้งทางกาย วาจาและใจ ก่อน รวมทั้งเพียรพยายามเสาะแสวงหาวิธีทำตนให้เป็นคนที่มีความคิดเห็นถูกต้อง สั้น ๆ คือ ทำตัวให้มีศีลและมีปัญญาก่อนเป็นลำดับแรกที่สำคัญ เมื่อมีตนเป็นผู้มีศีลแล้วและยังมีปัญญารู้เหตุรู้ผลควรไม่ควรต่าง ๆ ด้วย การจะเพิ่มพูนความดีในตนให้มากขึ้นด้วยบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ วีธี ก็จะเป็นไปอย่างสะดวกง่ายดายขึ้น ทำให้ยิ่งสามารถทำความดีทั้งสิบ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐) ได้อย่างมั่นใจ เข้าใจ ทำได้ถูกและตามที่ควรจะทำได้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทำให้ฉลาดในบุญ' ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ได้บุญมากหนักแน่นและเต็มที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
การตั้งใจและเว้นจากการไม่ทำความชั่วทั้งปวงนี้เรียกว่า กุศลกรรมบถ' พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๑๐ ประการต่อไปนี้ กุศลกรรมบถ ๑๐
(๑) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์อื่นให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อน (ปาณาติปาตา เวรมณี)
(๒) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย ด้วยการไม่ลักทรัพย์ ถือเอาของที่เขาไม่ให้ด้วยอาการขโมย
(อทินนาทานา เวรมณี)
(๓) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย ด้วยการไม่ประพฤติผิดในกาม (กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี) (๔) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดเท็จ (มุสาวาทา เวรมณี)
(๕) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดจายุยงส่อเสียด (ปิสุณาวาจา เวรมณี)
(๖) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดจาร้าย หยาบคายด่าทอ (ผรุสวาจา เวรมณี)
(๗) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดเพ้อเจ้อ กล่าววาจาไม่เป็นประโยชน์ หรือกล่าววาจาโปรยประโยชน์ (สัมผัปปลาปา เวรมณี)
(๘) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางใจ ด้วยการไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้ของของผู้อื่น (อนภิชฌา)
(๙) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางใจ ด้วยการไม่คิดไม่ดี คิดไม่พอใจ โกรธ คิดร้าย คิดพยาบาทอาฆาตจองเวรผู้อื่น (อพยาบาท)
(๑๐) ตั้งใจและเพียรพัฒนาใจของตนเอง ด้วยการพยายามศึกษาหาความรู้เพื่อให้ตนเป็นผู้มีปัญญา มีความเห็นชอบ คิดเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม (สัมมาทิฏฐิ)
กุศลกรรมบถ ๑๐ จึงเป็นจุดเริ่มต้น และบุญจึงไม่ใช่เฉพาะต้องมีวัตถุเงินทองถึงจะทำได้ บุญอยู่ที่ความตั้งใจ อยู่ที่เจตนา การทำบุญด้วยวัตถุเงินทอง (ในข้อทานมัย) นั้น ก็เป็นเพียงส่วนเดียว แท้ที่จริงแล้วบุญนั้นสามารถเพิ่มพูนได้ตลอดในแทบทุกอย่าง ในชีวิตประจำวัน บุญอยู่ที่ความเข้าใจ รู้ว่าอะไรอย่างไรคือบุญ ทุกครั้งที่มีโอกาส โดยไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องมีเงินทองวัตถุข้าวของมากมายเสมอไป ก็สามารถสะสมเพิ่มพูน บุญ' ได้มากมายมหาศาลเท่าเทียมกันทุกคน ขอขอบคุณผู้บริจาคธรรมเป็นทาน (http://www.thammaonline.com/
(๑) ทาน คือ ทำบุญด้วยการให้ จะใส่บาตร ให้สิ่งของ ให้ขนม ปันเงินทอง ก็เป็นทาน นอกจากนั้น ให้ใบหน้ายิ้มแย้ม ให้ความเข้าใจ ให้ความช่วยเหลือ ให้หูที่รับฟังความทุกข์เดือดร้อน ให้ที่นั่ง ให้ความรู้ ให้ธรรมะ ฯลฯ ก็เป็นทาน (จะเห็นว่าข้อ ทาน นี้ ยังมีคนจำนวนมากเข้าใจว่าต้องให้เงินให้ทองให้สิ่งของเท่านั้น จึงจะเป็นทานที่ทำแล้วได้บุญ แต่ที่จริงแล้ว การทำทานให้เกิดบุญนั้น ทำได้กว้างขวางกว่าการให้สิ่งของเงินทองมากมายนัก อะไร ๆ ก็สามารถฉลาดหยิบยกมาทำให้เกิด ทาน' ได้ไปแทบจะทั้งหมด)
(๒) ศีล คือ ทำบุญด้วยการตั้งใจระงับ เว้นและงดสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งทางกายและวาจา เช่น ไม่ทำร้ายใคร ไม่พูดปด ไม่พูดร้าย ไม่ส่อเสียด ไปทำงานตรงเวลาไม่อู้ ไม่ทำอะไรที่จะเดือดร้อนตนเดือดร้อนคนอื่น ล้วนเป็นศีลทั้งสิ้น
(๓) ภาวนา คือ ทำบุญด้วยการพัฒนาฝึกอบรมทางด้านจิตใจ เช่น การศึกษาเล่าเรียนหรือใคร่ครวญข้อธรรมะ การสวดมนต์ไหว้พระ การทำสมาธิ การเจริญสติ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
(๔) อปจายนะ คือ ทำบุญด้วยการมีใจเคารพอ่อนน้อม อ่อนน้อมถ่อมตนกับมารดาบิดา ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูอาจารย์ กราบพระ ไหว้พระเจดีย์พระวิหารด้วยใจเคารพ เป็นต้น
(๕) เวยยาวัจจะ คือ ทำบุญด้วยการเอาใจใส่ช่วยเหลือมารดาบิดาและผู้อื่นอย่างเต็มกำลัง ให้บุคคลเหล่านั้นทั้งหลายไม่ต้องกังวลทั้งเรื่องทางโลกที่ไม่มีโทษและเรื่องทางธรรม เช่น ช่วยดูแลเรื่องการงาน ดูแลผู้ป่วยไข้ ช่วยทำความสะอาดบ้านช่อง ช่วยงานปฏิสังขรณ์วัด ช่วยงานบุญงานกุศล งานปริยัติปฏิบัติต่าง ๆ
(๖) ปัตติทาน คือ ทำบุญด้วยการแบ่งความดีที่ตนทำแล้วให้ผู้อื่นพลอยปลาบปลื้ม และได้รับความดีนั้นไปด้วย เช่น การแผ่และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล หรือเมื่อทำบุญหรือความดีใด ๆ ก็บอกให้ผู้อื่นได้พลอยปีติยินดี และอนุโมทนาบุญนั้น ๆ ไปด้วยกัน
(๗) ปัตตานุโมทนาทาน คือ ทำบุญด้วยการอนุโมทนาบุญ กุศลหรือความดีที่ผู้อื่นทำและบอกเล่า ให้ร่วมอนุโมทนาด้วยจิตใจที่พลอยแช่มชื่นเบิกบานและปีติยินดีไปด้วย
(๘) ธัมมะสวนะ คือ ทำบุญด้วยการฟังธรรม อ่าน ศึกษาธรรมะ ด้วยจิตใจอ่อนโยนชุ่มชื่น เบิกบานแจ่มใส โดยมุ่งให้เข้าใจและรู้จักบาปบุญคุณโทษ ให้รู้ในสิ่งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ตั้งใจเพิ่มพูน และพัฒนาสติปัญญาของตน
(๙) ธรรมเทศนา คือ ทำบุญด้วยการบอก แนะนำ ให้ธรรมะ อย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทน แต่มุ่งให้ผู้ฟังได้สติ เกิดศรัทธาและปัญญา รวมไปถึงการแบ่งปันความรู้ทางโลกที่ไม่มีโทษให้กับผู้อื่น เช่น สอนความรู้ทางการแพทย์ การเกษตร
(๑๐) ทิฏฐุชุกัมมะ คือ ทำบุญด้วยการตั้งใจทำความคิดเห็นของตนให้ตรงให้ถูกต้องตามธรรม ตั้งใจพัฒนาสติปัญญาให้ตนเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจตรงต่อ ความเป็นจริงของธรรมชาติ ตั้งใจไม่ให้ตนเป็นคนมีความคิดเห็นที่ผิด หรือเบี่ยงเบนออกไปจากความเป็นจริง
ทว่า บุคคลจะสร้างบุญกุศลทั้งสิบข้อดังกล่าวให้เพิ่มพูนได้อย่างดีมีประสิทธิภาพเต็มที่นั้น พึงเริ่มต้นจากการชำระตนเองคือทำตนเว้นจากการทำความชั่วทั้งปวงก่อน กล่าวคือ บุคคลพึงเว้นจากการกระทำไม่ดีทั้งทางกาย วาจาและใจ ก่อน รวมทั้งเพียรพยายามเสาะแสวงหาวิธีทำตนให้เป็นคนที่มีความคิดเห็นถูกต้อง สั้น ๆ คือ ทำตัวให้มีศีลและมีปัญญาก่อนเป็นลำดับแรกที่สำคัญ เมื่อมีตนเป็นผู้มีศีลแล้วและยังมีปัญญารู้เหตุรู้ผลควรไม่ควรต่าง ๆ ด้วย การจะเพิ่มพูนความดีในตนให้มากขึ้นด้วยบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ วีธี ก็จะเป็นไปอย่างสะดวกง่ายดายขึ้น ทำให้ยิ่งสามารถทำความดีทั้งสิบ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐) ได้อย่างมั่นใจ เข้าใจ ทำได้ถูกและตามที่ควรจะทำได้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทำให้ฉลาดในบุญ' ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ได้บุญมากหนักแน่นและเต็มที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
การตั้งใจและเว้นจากการไม่ทำความชั่วทั้งปวงนี้เรียกว่า กุศลกรรมบถ' พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๑๐ ประการต่อไปนี้ กุศลกรรมบถ ๑๐
(๑) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์อื่นให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อน (ปาณาติปาตา เวรมณี)
(๒) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย ด้วยการไม่ลักทรัพย์ ถือเอาของที่เขาไม่ให้ด้วยอาการขโมย
(อทินนาทานา เวรมณี)
(๓) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย ด้วยการไม่ประพฤติผิดในกาม (กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี) (๔) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดเท็จ (มุสาวาทา เวรมณี)
(๕) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดจายุยงส่อเสียด (ปิสุณาวาจา เวรมณี)
(๖) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดจาร้าย หยาบคายด่าทอ (ผรุสวาจา เวรมณี)
(๗) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา ด้วยการไม่พูดเพ้อเจ้อ กล่าววาจาไม่เป็นประโยชน์ หรือกล่าววาจาโปรยประโยชน์ (สัมผัปปลาปา เวรมณี)
(๘) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางใจ ด้วยการไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้ของของผู้อื่น (อนภิชฌา)
(๙) ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางใจ ด้วยการไม่คิดไม่ดี คิดไม่พอใจ โกรธ คิดร้าย คิดพยาบาทอาฆาตจองเวรผู้อื่น (อพยาบาท)
(๑๐) ตั้งใจและเพียรพัฒนาใจของตนเอง ด้วยการพยายามศึกษาหาความรู้เพื่อให้ตนเป็นผู้มีปัญญา มีความเห็นชอบ คิดเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม (สัมมาทิฏฐิ)
กุศลกรรมบถ ๑๐ จึงเป็นจุดเริ่มต้น และบุญจึงไม่ใช่เฉพาะต้องมีวัตถุเงินทองถึงจะทำได้ บุญอยู่ที่ความตั้งใจ อยู่ที่เจตนา การทำบุญด้วยวัตถุเงินทอง (ในข้อทานมัย) นั้น ก็เป็นเพียงส่วนเดียว แท้ที่จริงแล้วบุญนั้นสามารถเพิ่มพูนได้ตลอดในแทบทุกอย่าง ในชีวิตประจำวัน บุญอยู่ที่ความเข้าใจ รู้ว่าอะไรอย่างไรคือบุญ ทุกครั้งที่มีโอกาส โดยไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องมีเงินทองวัตถุข้าวของมากมายเสมอไป ก็สามารถสะสมเพิ่มพูน บุญ' ได้มากมายมหาศาลเท่าเทียมกันทุกคน ขอขอบคุณผู้บริจาคธรรมเป็นทาน (http://www.thammaonline.com/
Lifestyle & Health : 10 อาชีพเสี่ยงอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
10 อาชีพเสี่ยงอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังพบบ่อยในคนวัยทำงานที่มีพฤติกรรมหรือการทำกิจวัตรประจำวันที่ซ้ำๆ กัน วันนี้เรามีวิธีดูแลและท่าบริหารร่างกายแบบง่ายๆในออฟฟิศมาฝากกัน...
สมัยนี้อะไรต่อมิอะไรก็ส่งผลให้ชีวิตเราเกิดความเสี่ยงได้ แม้กระทั่งหน้าที่การงานของเราเองก็ยังมีส่วนเป็นตัวกำหนดสุขภาพในอนาคต อย่างทำงานในโรงงาน เสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ อาชีพดีเจ เสี่ยงต่อการเป็นโรคบกพร่องเกี่ยวกับการได้ยิน อาชีพนักร้อง เสี่ยงต่อการเป็นโรคกล่องเสียงอักเสบ เป็นอาทิ แต่ยังมีโรคอีกประเภทที่ไม่ต้องรอให้ถึงอนาคตก็เข้ามาทักทายเยี่ยมเยือนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว บางครั้งเข้ามารบกวนชีวิตการทำงาน เป็นๆ หายๆ ไม่เลิก ไม่ว่าจะเป็นการปวดศีรษะ ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดสะบัก ปวดหลัง และอีกหลากหลายสารพัดโรคปวด อาการทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังในบริเวณอวัยวะที่ถูกใช้ในท่าซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ หรือที่เราเรียกว่า “อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง”
ในงานสัมมนาเพื่อสุขภาพ Hub of Wellness ที่จัดโดย “ไลฟ์เซ็นเตอร์” จึงได้เชิญแพทย์อายุรเวท “วิภาพร สายศรี” จากดอกเตอร์แคร์ คลินิก ศูนย์รักษาไมเกรนและโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง มาไขปัญหาเกี่ยวกับอาชีพที่เสี่ยงต่ออาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังว่ามีอาชีพใดบ้าง พร้อมวิธีดูแลสุขภาพและท่าบริหารแบบง่ายๆ ที่ทำได้ในออฟฟิศ ในหัวข้อ “เกร็ดเล็กๆ รอบตัวในที่ทำงาน กับการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง”
แพทย์อายุรเวท วิภาพร กล่าวว่า อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังพบบ่อยในคนวัยทำงานที่มีพฤติกรรมหรือการทำกิจวัตรประจำวันที่ซ้ำๆ กัน เช่น ใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ถือหรือสะพายของหนักๆ ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ เป็นต้น และ 10 อาชีพยอดนิยมที่มีความเสี่ยงต่ออาการปวดเรื้อรังมีดังนี้
1.วิศวกร มีพฤติกรรมก้มๆ เงยๆ และใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า สะบัก ต้นคอ หัวไหล่ รวมไปถึงข้อมืออีกด้วย
2. ดีไซเนอร์ มีพฤติกรรมการขีดๆ เขียนๆ แบบเป็นเวลานานๆ เสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า สะบัก ต้นข้อ หัวไหล่ ข้อมือ และอาจจะมีอาการของนิ้วล็อกร่วมด้วยได้
3.แอร์โฮสเตส มีพฤติกรรมการทำงานที่ต้องยกของหนัก เอื้อมหยิบเก็บของบนที่สูง เข็นรถและเสิร์ฟอาหาร เป็นประจำ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ บ่า สะบัก หัวไหล่ รวมไปถึงท่อนแขนได้อีกด้วย
4.เซลส์แมน มีพฤติกรรมการยกของหนัก ขับรถเป็นเวลานาน ใช้คอมพิวเตอร์ คุยโทรศัพท์ ใช้บีบี ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า สะบัก ต้นข้อ หัวไหล่ ข้อมือ และอาจจะมีอาการของนิ้วล็อกร่วมด้วยได้
5.นักคอมพิวเตอร์ มีพฤติกรรมก้มๆ เงยๆ ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า สะบัก ต้นคอ ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว อาจรวมไปถึงมึนศีรษะ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการของไมเกรนอีกด้วย
6.นักบัญชี พฤติกรรมก้มๆ เงยๆ ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันกับตัวเลขเอกสารต่างๆ มากมาย จึงทำให้นักบัญชีมีความเสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า สะบัก ต้นคอ ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว อาจรวมไปถึงอาเจียน ซึ่งเป็นอาการของไมเกรนอีกด้วย
7.สถาปนิก มีพฤติกรรมการขีดๆ เขียนๆ ออกแบบ เขียนแบบเป็นเวลานานๆ เสี่ยงต่อการปวดกล้ามเนื้อบริเวณบ่า สะบัก ต้นคอ หัวไหล่ ข้อมือ มีอาการของนิ้วล็อก และชาแขนร่วมด้วยได้
8.โฟร์แมน มีพฤติกรรมก้มๆ เงยๆ อยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ เสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อคอบ่าอักเสบ ตาพร่า มีโอกาสเสี่ยงเป็นไมเกรนได้
9.ทันตแพทย์ มีพฤติกรรมก้มๆ เงยๆ บิดตัว เอี้ยวตัว เกร็งข้อมือและนิ้วมือ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ส่งผลทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคปวดบ่า ต้นคอ สะบัก หลัง รวมไปถึงอาจจะเป็นนิ้วล็อกได้
10.ผู้บริหาร มีพฤติกรรมใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ อีกทั้งมีความเครียดสูง มีผลทำให้กล้ามเนื้อต้นคอเกร็ง ส่งผลทำให้เลือดไปเลี้ยงศีรษะไม่เพียงพอ มึนศีรษะ ปวดขมับ ปวดกระบอกตา ตาพร่า นอนไม่หลับ จนส่งผลให้เป็นโรคปวดศีรษะเรื้อรังหรือไมเกรนได้
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง
อย่านิ่งนอนใจ ควรจะหาวิธีป้องกันและดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแพทย์อายุรเวท วิภาพร ได้แนะเกร็ดความรู้การดูแลตัวเองแบบง่ายๆ พร้อมท่าบริหารคลายกล้ามเนื้อ ที่อาชีพไหนก็ทำได้ในที่ทำงาน
1.อย่าใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกินกว่า 2 ชั่วโมง
2.ยุติกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอทันทีที่รู้สึกเกร็ง
3.บริหารกล้ามเนื้อบริเวณบ่า และคอ ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ หลังการใช้คอมพิวเตอร์ทุกครั้ง
4.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เมื่อมีอาการปวดศีรษะ
5.พักผ่อน และทำสมาธิ เมื่อมีความเครียด เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
6.ประคบน้ำอุ่นบริเวณบ่า และต้นคอ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายจากการเกร็งตัว
7.ควรวางแขนตั้งแต่ข้อศอกลงไปถึงข้อมือไว้บนโต๊ะเวลาใช้คีย์บอร์ด
8.ควรใช้กระเป๋าล้อลากแทนกระเป๋าสะพายคอมพิวเตอร์
9.ใช้หมอนรองหลังวางที่พนักเก้าอี้ทำงาน
ท่าบริหารผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ท่าที่ 1 หันศีรษะไปทางด้านซ้ายช้าๆ ใช้มือซ้ายช่วยดึง ค้างไว้นับ 1-10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา
ท่าที่ 2 ก้มศีรษะพยายามให้คางชิดอกมากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที
ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้นช้าๆ ไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ 10 วินาที
ท่าที่ 4 เอียงศีรษะไปทางด้านขวา ใช้มือขวาช่วยดึง พยายามให้ศีรษะชิดไหล่มากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นทำสลับด้านซ้าย
ท่าที่ 5 หันศีรษะไปทางด้านซ้าย 45 องศา ใช้มือขวาช่วยดึงพร้อมก้มลงช้าๆ ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นทำสลับด้านขวา
- หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนชาว DPSB บ้างนะค่ะ ใครอยากรู้เรื่องอะไรก็บอกได้นะค่ะ ทางเราจะพยายามหามาฝากเพื่อนกันค่ะ ที่สำคัญเข้ามาแนะนำติชมกันบ้างก็ได้นะค่ะ ง่ายๆ แค่สแกนบาร์โค้ดข้างๆได้เลย แล้วก็แสดงความคิดเห็นกันมาได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากโพสทูเดย์ (http://www.posttoday.com/lifestyle/health-me/กาย/82286/10-อาชีพเสี่ยงอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง)
หลบร้อนไปทะเล : ตอนที่ 1 วิธีเลือกชุดว่ายน้ำให้เหมาะกับรูปร่าง
เทรนฮิตหน้าร้อนนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการไปตากอากาศชายทะเลยใช่ไหม วันนี้เลยเอาเกร็ดเล็กมาฝากสำหรับสาวๆที่มีแพลนจะไปโชว์หุ่นสวยริมทะเลคะ
เลือกชุดว่ายน้ำยังไงใส่ให้สวยและมั่นใจ ลองเลือกตามรูปร่างของตัวเอง ดังนี้
1. ไหล่กว้าง สะโพกแคบ
เลือก - ชุดว่ายน้ำที่มีสายเล็กๆ หรือไร้สาย ใช้สีเข้มเพื่ออำพรางรูปร่างให้ดูเล็กลง หากว่าชอบชุดว่ายน้ำสีอ่อน เพราะเป็นสีที่ดึงดูดความสนใจ อาจจะเลือกซื้อกางเกง, กระโปรงว่ายน้ำสีอ่อนมาสวมใส่ เพราะชุดว่ายน้ำชนิดทูพีซ สามารถให้ความแตกต่างของสีระหว่างของท่อนล่างและท่อนบนได้ สรุปว่าท่อนล่างเท่านั้นที่สามารถใส่สีอ่อนได้สำหรับสาวไหล่กว้างเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างไหล่และสะโพก หรือจะใส่ชุดที่สอบขึ้นมาจากข้างลำตัวถึงคอ แนวเส้นที่สอบเข้าหาลำคอจะช่วยให้ไหล่ดูเล็กลง วิธีสุดท้ายที่อำพรางไหล่ที่กว้างได้คือ เลือกชุดที่มีสายหนาหน่อยและสายแต่ละข้างต้องอยู่ตรงกลางบ่าพอดี
เลือก - ชุดว่ายน้ำที่มีสายเล็กๆ หรือไร้สาย ใช้สีเข้มเพื่ออำพรางรูปร่างให้ดูเล็กลง หากว่าชอบชุดว่ายน้ำสีอ่อน เพราะเป็นสีที่ดึงดูดความสนใจ อาจจะเลือกซื้อกางเกง, กระโปรงว่ายน้ำสีอ่อนมาสวมใส่ เพราะชุดว่ายน้ำชนิดทูพีซ สามารถให้ความแตกต่างของสีระหว่างของท่อนล่างและท่อนบนได้ สรุปว่าท่อนล่างเท่านั้นที่สามารถใส่สีอ่อนได้สำหรับสาวไหล่กว้างเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างไหล่และสะโพก หรือจะใส่ชุดที่สอบขึ้นมาจากข้างลำตัวถึงคอ แนวเส้นที่สอบเข้าหาลำคอจะช่วยให้ไหล่ดูเล็กลง วิธีสุดท้ายที่อำพรางไหล่ที่กว้างได้คือ เลือกชุดที่มีสายหนาหน่อยและสายแต่ละข้างต้องอยู่ตรงกลางบ่าพอดี
ห้าม - สวมใส่ชุดว่ายน้ำแบบที่ผูกรอบคอ หรือชุดท่อนบนที่มีสายพาดไหล่ลงมาตรงๆ จะทำให้ดูไหล่กว้างมากขึ้น ไปอีก
2. ไหล่แคบ สะโพกกว้าง
เลือก - เน้นไหล่ได้ด้วยชุดว่ายน้ำแบบผูกคอ ท่อนล่างต้องเป็นสีเข้มหรือสีสด เน้นให้ท่อนบนเด่นด้วยลวดลาย หรืออุปกรณ์ประดับตกแต่งไม่ว่าจะเป็นโบ หรือผ้าพันรอบเอว เพื่อดึงสายตาไปจากสะโพก หรือเป็นลายให้เลือกลายเล็กๆ ตามแนวตั้งสีสันไม่สะดุดตา
ชุดว่ายน้ำแบบเกาะอก จะช่วยพรางตาให้เกิดเส้นตามแนวนอน ดูรูปร่างสมดุลขึ้น อย่าลืมเลือกซื้อชุดที่มีสีเข้มบริเวณท่อนล่างเพื่อให้ดูสะโพกเล็กลง
ห้าม - ชุดว่ายน้ำที่รัดเกินไป และมีระบาย กระโปรงบาน เพราะจะทำให้ดูสะโพกที่ใหญ่อยู่แล้วใหญ่ขึ้นไปอีก
เลือก - เน้นไหล่ได้ด้วยชุดว่ายน้ำแบบผูกคอ ท่อนล่างต้องเป็นสีเข้มหรือสีสด เน้นให้ท่อนบนเด่นด้วยลวดลาย หรืออุปกรณ์ประดับตกแต่งไม่ว่าจะเป็นโบ หรือผ้าพันรอบเอว เพื่อดึงสายตาไปจากสะโพก หรือเป็นลายให้เลือกลายเล็กๆ ตามแนวตั้งสีสันไม่สะดุดตา
ชุดว่ายน้ำแบบเกาะอก จะช่วยพรางตาให้เกิดเส้นตามแนวนอน ดูรูปร่างสมดุลขึ้น อย่าลืมเลือกซื้อชุดที่มีสีเข้มบริเวณท่อนล่างเพื่อให้ดูสะโพกเล็กลง
ห้าม - ชุดว่ายน้ำที่รัดเกินไป และมีระบาย กระโปรงบาน เพราะจะทำให้ดูสะโพกที่ใหญ่อยู่แล้วใหญ่ขึ้นไปอีก
3. ตัวกลม เอวหนา ขาสั้น
เลือก - ลายทางตามยาวจะทำให้ดูผอมลง ชุดว่ายน้ำที่ มีสีเข้มตรงกลางจะช่วยให้รูปร่างดูสมดุลขึ้นหรือชุดที่มีแนวต่อใต้อกลงไป ต้องเลือกกางเกงแบบไฮคัทซึ่งจะทำให้ดูขายาวขึ้น
ห้าม – ใส่ชุดทูพีซ เพราะจะทำให้เห็นเส้นตัดขวาง ลำตัว และหากใส่ท่อนล่างส่วนขาที่คัทต่ำๆ จะยิ่งทำให้ดู หนาหนัก
เลือก - ลายทางตามยาวจะทำให้ดูผอมลง ชุดว่ายน้ำที่ มีสีเข้มตรงกลางจะช่วยให้รูปร่างดูสมดุลขึ้นหรือชุดที่มีแนวต่อใต้อกลงไป ต้องเลือกกางเกงแบบไฮคัทซึ่งจะทำให้ดูขายาวขึ้น
ห้าม – ใส่ชุดทูพีซ เพราะจะทำให้เห็นเส้นตัดขวาง ลำตัว และหากใส่ท่อนล่างส่วนขาที่คัทต่ำๆ จะยิ่งทำให้ดู หนาหนัก
4 .ผอมสูง ลำตัวยาว
เลือก - ชุดว่ายน้ำแบบมีฟองน้ำเสริม หรือบิกินี สามเหลี่ยมจะช่วยให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้น สะโพกตรงๆ ของคุณจะดูกลมมนสวยขึ้นด้วยลายที่ต่างกันบนเนื้อผ้า หรือจะเลือกชุดทูพีซลายขวาง หรือชุดเดียวที่มีลวดลายหนาๆ ใหญ่ๆ หรือแบบเรียบ ท่อนบนต้องยาวลงมาใต้อกตั้งแต่ 3 นิ้ว หรือยาวไปจนปิดสะดือก็ได้ ท่อนล่างต้องเป็นกางเกง ไฮคัท
ห้าม - ชุดแบบทูพีซ ท่อนล่างเป็นกางเกงขาสั้นเอวต่ำกับบิกินีชิ้นเล็กท่อนบน เพราะชุดแบบนี้ทำให้เอวและตัวของคุณดูยิ่งยาวขึ้นไปอีก
เลือก - ชุดว่ายน้ำแบบมีฟองน้ำเสริม หรือบิกินี สามเหลี่ยมจะช่วยให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้น สะโพกตรงๆ ของคุณจะดูกลมมนสวยขึ้นด้วยลายที่ต่างกันบนเนื้อผ้า หรือจะเลือกชุดทูพีซลายขวาง หรือชุดเดียวที่มีลวดลายหนาๆ ใหญ่ๆ หรือแบบเรียบ ท่อนบนต้องยาวลงมาใต้อกตั้งแต่ 3 นิ้ว หรือยาวไปจนปิดสะดือก็ได้ ท่อนล่างต้องเป็นกางเกง ไฮคัท
ห้าม - ชุดแบบทูพีซ ท่อนล่างเป็นกางเกงขาสั้นเอวต่ำกับบิกินีชิ้นเล็กท่อนบน เพราะชุดแบบนี้ทำให้เอวและตัวของคุณดูยิ่งยาวขึ้นไปอีก
5. รูปร่างนาฬิกาทราย ขายาว
เลือก - หน้าอกใหญ่ต้องการชุดสายใหญ่ หรือบิกินีที่ ผูกรอบคอ ชุดว่ายน้ำที่ไม่เว้าด้านหลังจะช่วยประคองหน้าอกเป็นพิเศษ ขายาวเก้งก้างจะสั้นลงได้ด้วยกางเกงว่ายน้ำแบบโลว์คัทหรือแบบบ็อกเซอร์
ห้าม - กางเกงว่ายน้ำหรือชุดว่ายน้ำแบบชิ้นเดียวที่ท่อนล่างเป็นไฮคัท เพราะจะทำให้ดูขาของคุณยาวขึ้นไปอีก
เลือก - หน้าอกใหญ่ต้องการชุดสายใหญ่ หรือบิกินีที่ ผูกรอบคอ ชุดว่ายน้ำที่ไม่เว้าด้านหลังจะช่วยประคองหน้าอกเป็นพิเศษ ขายาวเก้งก้างจะสั้นลงได้ด้วยกางเกงว่ายน้ำแบบโลว์คัทหรือแบบบ็อกเซอร์
ห้าม - กางเกงว่ายน้ำหรือชุดว่ายน้ำแบบชิ้นเดียวที่ท่อนล่างเป็นไฮคัท เพราะจะทำให้ดูขาของคุณยาวขึ้นไปอีก
6. ผู้หญิงเจ้าเนื้อ
เลือก - ชุดว่ายน้ำที่เป็นคอวีลึก หรือจะเป็นชุดทูพีซ แบบท่อนบนเป็นคล้ายๆ กับเสื้อกล้าม กับกางเกง หรือโชว์สะดือ
ห้าม - ใส่ชุดที่ปกปิดจนเกินไป และไม่ควรใส่กางเกงขอบขาต่ำๆ
เลือก - ชุดว่ายน้ำที่เป็นคอวีลึก หรือจะเป็นชุดทูพีซ แบบท่อนบนเป็นคล้ายๆ กับเสื้อกล้าม กับกางเกง หรือโชว์สะดือ
ห้าม - ใส่ชุดที่ปกปิดจนเกินไป และไม่ควรใส่กางเกงขอบขาต่ำๆ
7. เอวสั้น
เลือก - ชุดทูพีซ ที่ท่อนล่างเป็นกางเกงหรือกระโปรงเอวต่ำ ลายแบบทางลงจะช่วยให้ช่วงเอวดูยาวขึ้นสมส่วน ถ้าเป็นชุดวันพีซ ควรเป็นคอวีลึก ที่มีเครื่องประดับตกแต่งบริเวณสะโพก เช่น เข็มขัด, โบ เพื่อดึงดูดสายตา หรืออาจจะเป็นชุดที่มีลายเป็นเส้นทแยงมุมก็สามารถช่วยได้
ห้าม - ปกปิดหน้าท้อง ด้วยชุดกางเกงขาสั้นเอวสูง
เลือก - ชุดทูพีซ ที่ท่อนล่างเป็นกางเกงหรือกระโปรงเอวต่ำ ลายแบบทางลงจะช่วยให้ช่วงเอวดูยาวขึ้นสมส่วน ถ้าเป็นชุดวันพีซ ควรเป็นคอวีลึก ที่มีเครื่องประดับตกแต่งบริเวณสะโพก เช่น เข็มขัด, โบ เพื่อดึงดูดสายตา หรืออาจจะเป็นชุดที่มีลายเป็นเส้นทแยงมุมก็สามารถช่วยได้
ห้าม - ปกปิดหน้าท้อง ด้วยชุดกางเกงขาสั้นเอวสูง
8. มีหน้าท้อง
เลือก - ชุดว่ายน้ำแบบเก็บหน้าท้อง หรือถ้าหากไม่ชอบใส่ชุดว่ายน้ำแบบนั้น แนะนำให้เลือกซื้อชุดที่ผสมไลคราเยอะๆ หรือพยายามเลือกชุดที่เป็นคอวี ลวดลายและสีเข้มบริเวณท่อนล่าง เพื่อช่วยให้ดูมีเอวมากขึ้น
ห้าม - ชุดลายแนวนอนหนาๆ เพราะจะยิ่งทำให้ดูมี หน้าท้อง
เลือก - ชุดว่ายน้ำแบบเก็บหน้าท้อง หรือถ้าหากไม่ชอบใส่ชุดว่ายน้ำแบบนั้น แนะนำให้เลือกซื้อชุดที่ผสมไลคราเยอะๆ หรือพยายามเลือกชุดที่เป็นคอวี ลวดลายและสีเข้มบริเวณท่อนล่าง เพื่อช่วยให้ดูมีเอวมากขึ้น
ห้าม - ชุดลายแนวนอนหนาๆ เพราะจะยิ่งทำให้ดูมี หน้าท้อง
9. หน้าอกใหญ่
เลือก - ชุดที่ช่วยพยุงหน้าอก เช่น ชุดว่ายน้ำที่มีบรา ในตัว หรือชุดที่ทำจากใยผ้าที่ช่วยให้รูปร่างกระชับมากขึ้น ถ้าเป็นชุดวันพีซให้เลือกแบบที่มีสายคล้องคอ และแบบ คอลึกจะช่วยให้ดูไม่อึดอัด สำหรับชุดทูพีซ ให้เลือกแบบ ที่เป็นแถบคาด อกที่มีสายคล้องคอไหล่กว้างหน่อย
ห้าม – ชุดบีกินีท่อนบนเล็กแบบผ้าสามเหลี่ยมทูพีซ มีสายเล็กเชื่อมตรงกลาง และมีสายคล้องคอเส้นเล็กๆ เพราะอาจจะไม่สามารถพยุงหน้าอกไว้ได้
เลือก - ชุดที่ช่วยพยุงหน้าอก เช่น ชุดว่ายน้ำที่มีบรา ในตัว หรือชุดที่ทำจากใยผ้าที่ช่วยให้รูปร่างกระชับมากขึ้น ถ้าเป็นชุดวันพีซให้เลือกแบบที่มีสายคล้องคอ และแบบ คอลึกจะช่วยให้ดูไม่อึดอัด สำหรับชุดทูพีซ ให้เลือกแบบ ที่เป็นแถบคาด อกที่มีสายคล้องคอไหล่กว้างหน่อย
ห้าม – ชุดบีกินีท่อนบนเล็กแบบผ้าสามเหลี่ยมทูพีซ มีสายเล็กเชื่อมตรงกลาง และมีสายคล้องคอเส้นเล็กๆ เพราะอาจจะไม่สามารถพยุงหน้าอกไว้ได้
10. หน้าอกเล็ก
เลือก - ชุดว่ายน้ำแบบดันทรง หรือมีฟองน้ำเสริมทรงวางขายอยู่มากมาย แต่ก็ต้องระวังอย่าให้ดูมากจนเกินไป เดี๋ยวคนจะจับได้ว่าไม่ใช่หน้าอกจริงๆ สามารถใส่ได้ทั้ง ชุดเต็มตัว หรือชุดแบบทูพีซ ที่สายคล้องคอเป็นเส้นเล็ก หรือเส้นสปาเกตตี และควรเลือกสีที่ค่อนข้างสด เพื่อช่วยให้ดูว่ามีหน้าอกมากขึ้น
ห้าม - ชุดเต็มตัวแบบเรียบๆ สีเรียบๆ เพราะจะยิ่ง ทำให้ดูแบนราบมากขึ้นไปอีก
เลือก - ชุดว่ายน้ำแบบดันทรง หรือมีฟองน้ำเสริมทรงวางขายอยู่มากมาย แต่ก็ต้องระวังอย่าให้ดูมากจนเกินไป เดี๋ยวคนจะจับได้ว่าไม่ใช่หน้าอกจริงๆ สามารถใส่ได้ทั้ง ชุดเต็มตัว หรือชุดแบบทูพีซ ที่สายคล้องคอเป็นเส้นเล็ก หรือเส้นสปาเกตตี และควรเลือกสีที่ค่อนข้างสด เพื่อช่วยให้ดูว่ามีหน้าอกมากขึ้น
ห้าม - ชุดเต็มตัวแบบเรียบๆ สีเรียบๆ เพราะจะยิ่ง ทำให้ดูแบนราบมากขึ้นไปอีก
ขอขอบคุณขอมูลทั้งหมดจาก : โพสต์ทูเดย์ เมาท์กันให้ Z (http://www.posttoday.com/เมาท์กันให้-z/z-trend/guru-talk/9084/page-2)
15 เมษายน 2554
สรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลรับวันปีใหม่ไทย
ชาวดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ ร่วมกันสรงน้ำพระในวันสรงกรานต์ เพื่อเสริมสิริมงคลรับวันปีใหม่ไทยโดยพร้อมเพรียงกัน บริเซณลานน้ำพุ หน้าโรงแรม
@53 Newsletter - แหล่งข่าวสารใหม่ของชาว DPSB
ได้ฤกษ์เปิดตัว @53 Newsletter ฉบับปฐมฤกษ์แล้ว โดยนิตสารฉบับนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของพวกเราที่ดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพ เนื้อหาภายในรวมเรื่องราวและกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นมาในรอบเดือนทีผ่านมา พนักงานดีเด่นประจำเดือน วารสาร @53 นี้จะออกทุกๆวันที่ 1 ของเดือนค่ะ สำหรับฉบับเแรกนี้ หากใครมีคำแนะนำเพิ่มเติม หรืออยากให้เราลงอะไรเพิ่มเติม ก็สามรถแนะนำได้ ที่เบอร์ต่อภายใน 2063 หรือ แสดงความคิดเห็นด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
08 เมษายน 2554
Time to Clean - DPSB Big Clean day 7-8 เมษายน 2554 ขอขอบคุณความร่วมมือของพนักงานทุกคน
DPSB Big Clean day 7-8 เมษายน 2554 ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว กับวันทำความสะอาดคีั้งใหญ่ของโรงแรมเรา ขอขอบคุณความร่วมมือของพนักงานทุกคน และ นับจากวันนี้ไป เราทุกคนต้องช่วยกันรักษาความสะอาดบริเวณต่างๆของโรงแรมเราให้เหมือนเช่นบ้านที่เราอาศัยอยู่ ทั้งเพื่อความสะอาดสวยงามของสถานที่ และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยในมี่ทำงานของเราด้วย
DPSB ร่วมใจช่วยใต้ - ภาพบรรยากาศการนำของขอพวกเราไปบริจาค
อิ่มบุญไปตามกัน เมื่อของที่ช่วยกันนำมาบริจาคเพื่อช่วยพี่น้อง เพื่อนคนไทยในภาคใต้ โดยคุณนักสิทธิ์ นำทีมหัวหน้าแผนกต่างๆร่วมกันนำของที่พวกเรารวบรวมกันมา ไปบริจาคเรียบร้อย การแสดงความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นต่อหน้า หรือลับหลังย่อมมีผลดี ทำให้จิตใจเรามีความสุขขึ้นนะคะ เพราะฉะนั้ นเราจึงความแสดงความมีน้ำใจแม้เพียงแค่เล็กๆน้อยๆต่อคนใกล้ตัวเรา ทัง้ที่บ้าน รวมถึงที่ทำงาน เพราะ การแสดงความมีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัวนี้จะทำให้พวกเราอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขตลอดไป
Wine Training for staff
ฝ่ายF&B ได้จัดการสอนชิมไวน์ขึ้นที่ห้อง Training Room เพื่อให้พนักงานทั้งจากห้องอาหารและพนักงานอื่นๆที่สนใจได้เข้าร่วมศึกษาและทำความรู้จักกับไวน์ที่โรงแรมเรานำมาขาย เพื่อจะได้สามรถแนะนำลูกค้าได้ แต่งานนี้ดุเหมือนจะเป็นการเรียนการสอนทีทุกคนมีความสุขกันเป็นพิเศษ หลังจบคลาส เดินแก้มแดงกันออกมาเป็นแถว
05 เมษายน 2554
DPSB ร่วมใจช่วยใต้ - ขอเชิญร่วมบริจาคสิ่งของช่วยชาวใต้
Please join together to help Southern residents who have been affected by the current major flooding by donate necessary items such as instant food, medicine, clothes etc. at HR office from now - Friday 8 April 2011 until 11am. All donated things will be packed and sent to Red Cross of Thailand on Friday 8 April 2011.
ขอเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ ร่วมปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ โดยร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น เช่น อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป ยาสามัญต่างๆ หรือ เสื้อผ้า เป็นต้น สามารถนำมาบริจาคได้ที่ฝ่ายบุคคล ได้ตั้งแต่วันนี้ - ถึงวันศุกร์ที่ 8 เม.ย. นี้ ภายใน 11.00 น. ซึ่งสิ่งของที่ได้รับบริจาคจะนำไปมอบแก่สภากาชาดไทยต่อไปในวันศุกร์ที่ 8 เมษายนนี้
Time to Clean - DPSB Big Clean day
เวลาแห่งการทำความสะอาดมาถึงแล้ว!!!
ขอเชิญเพื่อนๆพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน และ พนักงานชรายวันทุกๆคน ของโรงแรมดุสิต ปริ้นเซส
ศรีนครินทร์, กรุงเทพฯ ทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมวันทำความสะอาด - Big Cleaning Day ในวันที่ 7-8 เมษายน 2554 ตั้งแต่เวลา 08:30-17:30
ขอเชิญเพื่อนๆพนักงาน นักศึกษาฝึกงาน และ พนักงานชรายวันทุกๆคน ของโรงแรมดุสิต ปริ้นเซส
ศรีนครินทร์, กรุงเทพฯ ทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมวันทำความสะอาด - Big Cleaning Day ในวันที่ 7-8 เมษายน 2554 ตั้งแต่เวลา 08:30-17:30
ทำบุญต้อนรับวันสงกรานต์ -รวมภาพกิจกรรม
ฝ่ายF&B ได้จัดการสอนชิมไวน์ขึ้นที่ห้อง Training Room เพื่อให้พนักงานทั้งจากห้องอาหารและพนักงานอื่นๆที่สนใจได้เข้าร่วมศึกษาและทำความรู้จักกับไวน์ที่โรงแรมเรานำมาขาย เพื่อจะได้สามรถแนะนำลูกค้าได้ แต่งานนี้ดุเหมือนจะเป็นการเรียนการสอนทีทุกคนมีความสุขกันเป็นพิเศษ หลังจบคลาส เดินแก้มแดงกันออกมาเป็นแถว
01 เมษายน 2554
Help Japan with Dusit Princess Srinakarin, Bangkok - ภาพบรรยากาศช่วงเช้า
ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ Princess Barzar & Garage Sales ครั้งที่ 2 ที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรก ร้านค้ามากมายที่เปิดขายในช่วงเช้า ณ ห้องศรีนครินทร์ เก็บภาพช่วงเช้สนี้มาฝากเผื่อเพื่อนๆมีเวลาจะได้ลงไปเดินเล่นกันนะ
Help Japan with Dusit Princess Srinakarin, Bangkok
วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2554 เวลา 10.00 – 21.00 น. - ขอเชิญพนักงานทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรม Help Japan with Dusit Princess Srinakarin, Bangkok
โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ ขอเชิญร่วมสมทบทุนภายใต้โครงการ Japan & Dusit – Friend Forever เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในประเทศญี่ปุ่น และร่วมกิจกรรมน่าสนใจมากมาย ในวันศุกร์ที่ 1 เมษายนนี้ 10.00 – 21.00 น.
- Princess Bazaar: นักช้อปพลาดไม่ได้กับอินเตอร์ฯ บาซาร์ที่รวม must have item ไว้อย่างหลากหลาย อาทิ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย กระเป๋านำเข้าจากต่างประเทศ เครื่องประดับ ตลอดจนของแต่งบ้านต่างๆ ตั้งแต่ 10.00 – 21.00 น.
- Fortune Telling: 17 นักพยากรณ์ที่มีความสามารถในศาสตร์พยากรณ์ต่างๆ จะมารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศญี่ปุ่น ดูดวงเริ่มต้นที่ 250 บาทเท่านั้น นักพยากรณ์ เช่น อ.แบงค์ (ดูเจ้ากรรมนายเวร), อ.เกม ใจทิพย์ (ดูลายเซ็น) อ.ภคนันท์ (นกฮูกพยากรณ์) ฯลฯ ตั้งแต่ 15.00 – 21.00 น.
- Garage Sale: ช้อปเพลินจนลืมเวลากับตลาดนัดเปิดท้าย เลือกซื้อ เลือกชิม พร้อมร่วมสนุกกับหลากหลายกิจกรรม ตั้งแต่ บ่าย 15.00 น. เป็นต้นไป
- Miyuki Restaurant: ห้องอาหารญี่ปุ่นมิยูกิมอบรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายในวันที่ 1 เมษายนทั้งหมด ร่วมสมทบทุนแก่ผู้ประสบภัย
- Dining Venues: นอกเหนือจากห้องอาหารมิยูกิ ทุกห้องอาหารของโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส ร่วมบริจาค 200 บาท ทุกๆ บิล และเซอร์วิสชาร์จทั้งหมดของวันที่ 1 เมษายนจะนำเข้าสมทบทุนดังกล่าวเช่นกัน
*เงินบริจาคทั้งหมดจะนำเข้าสู่สภากาชาดญี่ปุ่นในประเทศไทย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ +662721 8400 ต่อ 2068